เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติสัญญาณเตือนภัยมะเร็ง
![ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประจำเดือน](https://scontent-fbkk5-7.us-fbcdn.net/v1/t.1-48/1426l78O9684I4108ZPH0J4S8_842023153_K1DlXQOI5DHP/dskvvc.qpjhg.xmwo/w/data/935/935880-img.rlvb36.0p.jpg)
ประจำเดือนปกติมีเดือนละครั้ง แต่หากเดือนไหนมามากกว่าหนึ่ง อีกทั้งยังมีเลือดออกมากผิดปกติหรือแม้แต่แค่กระปริกกระปรอยก็นั่งนอนใจไม่ได้ เพราะบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายอย่างมะเร็ง
ประจำเดือน หรือที่เรีกว่า “เมนส์” เป้นภาวะตามธรรมชาติที่เกิดจากการหลุดของผนังมดลุกที่ไม่ได้มีกี่ปฏิสนธิซึ่งร่างกายก็จะขับออกมาทุกเดือน โดยทั่วไปเด็กหญิงเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกอายุประมาณ 12 – 13 ปี ปกติจะมาครั้งละไม่เกิน 7 วัน ประจำเดือนจะมาเป็นประจำทุกรอบประมาณ 21 – 35 วัน ก่อนจะเข้าสู้การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนประมาณอายุ 45 – 56 ปี
- เลือดออกมากผิดปกติ
ตามปกติแล้วปรมาณของประจำเดือนที่ถุกขับออกมาในแตะเดือนนั้นจะไม่เท่ากัน บางคนอาจจะมีประจำเดือนแค่ 3 วัน วันแรกมาเล็กน้อย วันที่สองมามาก และวันที่สามก็มีจางๆ แล้วหมดไป หรือบางคนแจจะบอกว่าประจำเดือนมาที่ 5 – 6 วัน กว่าที่จะจางและหมดไปก็ครบอาทิตย์นึงพอดี
โดยทั่วไปในแต่ละวันประจำเดือนที่ถูกขับออกมาจะมีปริมาณอยู่ที่ 20 -80 ซีซี หรือเฉลี่ยประมาณ 35 ซีซี แต่ที่ดูเหมือนว่ามามาก ก็เป็นเพราะว่าการขับออกมาของประจำเดือนจะเป้นลักษณะเหมือนน้ำหมด ไม่ได้ไหลพรวดเดียวเหมือนที่เราเทน้ำ แต่ประจำเดือนจะถูกขับออกมาทีละนิดอย่างสม่ำเสมอจนว่าจะหมดนั้นเอง
แต่สำหรับบางรายที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดประปรอย หรือมากกว่าปกติก็สร้างกังวลใจให้คุรไม่น้อย พาลคิดไปต่างๆ นานกว่าจะเป้นโรคร้ายแรง
อาการประจำเดือนมากมากปกติเกิดขึ้นไก้มาจากหลายสาเหตุ อาจเกิดได้จากผลข้างเคียงของยาที่รับประทาน การใช้ยาคุมกำเนิด ความเครียด หรือเกิดจากภาวะติดเชื้อ
อาการเลือดออกผิดปกติที่เกิดขึ้นจากมะเร็ง
ถ้าผุ้หญิงมีอาการต่อไปนี้ นั้นคือสัญญาณอันตรายที่เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากมะเร็ง
- มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริกระปรอย ทุกวันหรือวันเว้นวัน
- มีรอบเดือนประจำเดือนเร็วกว่า 21 วัน คือ นับจากวันที่เป้นครั้งแรก ถ้าหากมีประจำเดือนอีกครั้ง แต่ไม่ครบรอบ 21 วัน นั้นก้แสดงว่าเกิดความผิดปกติกับอวัยวะภายใน
- มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน เช่น รอบนี้เริ่มมาวันที่ 1 มกราคม 2551 มาทั้งหมด 4 วัน รอบถัดไปเริ่มมาวันที่ 30 มกราคม 2551 มาทั้งหมด 4 วัน แต่ในวันที่ 15 มกราคม 2551 มีเลือดออกมาอีก
- มีเลือดออกจากช่องท้องคลอดปริมาณมาก มีลักษณะเป็นก้อน ลิ่มเลือด หรือใช้ผ้าอนามัยมากกว่าวันละ 5 ผืน
- มีเลือดออกหลังมีเพสสัมพันธ์
- มีเลือดออกหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนไปแล้ว
สาเหตุของอาการเลือดออกผิดปกติได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ได้คุมกำเนิดจนเกิดการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อน เช่น แท้งบุตร
- รับประทานยาบางชนิด ที่มีส่วผสมของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น กวาวเครือ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
- ภาวะฮอร์โมนแปรปรวนในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนหรือวัยใหล้หมดประจำเดือน ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ
- ภาวะฮออร์โมนแปรปรวนอันเนื่องมาจากความเครียด เช่น ใกล้สอบ นอนดึก ทะเลาะกับแฟน ก็เป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติได้
- เกิดการอักเสบและติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์สตรีเช่น ปากมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก ก็สามารถทำให้เกิดแผลแล้วมีเลือดออกได้
- มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลุก ก้เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติที่พบได้บ่อยเช่นกัน
ประจำเดือนออกมาผิดปกติ ส่วนใหญ่แล้วมักพบว่าเป็นอาการนำของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รีบรักษา อาการอาจลุกลามรุงแรงได้ทั้งนี้ หากคุณเองเป็นอีกคนหนึ่งที่มทีปัญหาเลือดประจำเดือนออกมาผิกปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ
โดยทั่วไปแพทย์จะซักถามประวัติจะซักถามประวัติสุขภาพทั่วไปของผุ้ป่วยในช่วงนี้ เช่น ประวัติการกินยา การคุมกำเนิดหลังจากนั้นก็จะทำการตรวจร่างกายไป เช่น วัดไข้ ความดันโลหิต ตรวจภายในและตรวจหามะเร็งปากมดลุกไปพร้อมกัน ในกรณีแพทย์ไม่สามารถหาข้อสรุปของอาการมีเลือดออกผิดปกติที่ปน่ชัดได้ อาจจะต้องทำการตรวจเลือดตรวจอัลตราชาวน์ด หรือขูดมดลุกเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจวินิฉัยหาเซลล์มะเร็งต่อไป
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในอย่างอวัยวะสืบพันธุ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่ควรนิ่งนอนใจ เนื่องจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจมีการดำเนินการโรคมาแล้วระยะหนึ่งแล้วจึงสงสัญาณเตือนภัยให้คุณทราบ การตรวจภายในประจำทุกปีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการป้องกันจากฌรคร้ายเนื่องจากสามารถตรวจหาสาเหตุของโรคและตรวจหาชนิดของโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีอาการ และสามารถรักษาให้หายได้
เมื่อร่างกายส่งสัญาณเตือนร้องขอการดูแล แล้วคุณจะนิ่งนอนใจได้เชียวหรือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น